INDA และสถาปัตย์ภาคไทย ต่างกันอย่างไร?
- Rungaroon Homsuwun
- Jul 18
- 2 min read

คำถามเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นในใจของทั้ง น้อง ๆ ม.ปลาย และ ผู้ปกครอง ที่สนใจให้ลูกหลานเรียนต่อด้าน สถาปัตยกรรมศาสตร์
“INDA และสถาปัตย์ภาคไทย ต่างกันยังไง?”
“จบมาแล้วเป็นสถาปนิกได้เลยไหม?”
“สอบเข้ายากไหม? ต้องใช้พอร์ตหรือคะแนนอะไร?”
บทความนี้จะพามา ทำความเข้าใจความเหมือนและความต่าง ของ สถาปัตย์อินเตอร์ กับ สถาปัตย์ภาคไทย โดยเปรียบเทียบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในกรุงเทพฯ พร้อมทั้งอธิบายระบบการสอบเข้า หลักสูตรที่เรียน และเส้นทางหลังเรียนจบอย่างละเอียด
INDA คืออะไร?
INDA (International Program in Design and Architecture) คือ หลักสูตรสถาปัตยกรรมนานาชาติของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และเปิดรับนักเรียนไทยและต่างชาติที่สนใจด้านการออกแบบอย่างลึกซึ้ง
หลักสูตร INDA มีจุดเด่นอะไรบ้าง?
สอนเป็นภาษาอังกฤษ โดยอาจารย์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
เน้นกระบวนการคิดแบบสากล (Global Design Thinking)
เรียนแบบ Studio-based ทุกเทอม โดยเน้นการนำเสนอผลงานและแนวคิด
ไม่ใช่สาย “ก่อสร้างจริง” แต่เหมาะกับคนที่อยากเรียนดีไซน์กว้าง ๆ เช่น UX/UI, Product Design, Exhibition Design, Research, Innovation
จบแล้วสามารถต่อโทที่ต่างประเทศหรือต่อโทที่ไทยก็ได้ และยังสมัครงานสายครีเอทีฟได้ทั่วโลก
แล้ว “ สถาปัตย์ ภาคไทย ” ล่ะ?
“ สถาปัตยกรรม ภาคไทย ” หมายถึง หลักสูตรสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่เรียนเป็นภาษาไทย ซึ่งเปิดสอนในหลายมหาวิทยาลัย เช่น จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ศิลปากร ลาดกระบัง ฯลฯ โดยเป็น หลักสูตรวิชาชีพ (Professional Program) ที่จบแล้วสามารถสอบใบอนุญาตสถาปนิกวิชาชีพได้ทันที
จุดเด่นของสถาปัตย์ ภาคไทย
เรียน 5 ปี โดยมีวิชาที่เกี่ยวกับการออกแบบอาคาร กฎหมายอาคาร โครงสร้างต่าง ๆ ของสถาปัตยกรรม และงานก่อสร้างจริง
เน้นการเขียนแบบ การวางระบบก่อสร้าง การฝึกงานในบริษัทสถาปนิกจริง
จบแล้วสามารถสอบ “ใบประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม” จากสภาสถาปนิกได้ทันที
เหมาะกับผู้ที่ต้องการเป็น “สถาปนิกอาคาร” อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
การสอบเข้า INDA ต้องเตรียมอะไร?
INDA รับสมัครแบบ Early Admission ทั้งหมด 2 รอบ ในปีการศึกษาโดยใช้:
Portfolio ที่แสดงความสามารถในการออกแบบ ความคิดสร้างสรรค์ และกระบวนการทำงาน
Design Task (โจทย์ที่ให้ทำงานออกแบบส่งในเวลาจำกัด)
Interview (สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ)
คะแนนที่ต้องแนบไปพร้อมการสมัคร
1. ผลสอบภาษาอังกฤษ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)
TOEFL Paper-based: ≥ 550
TOEFL iBT: ≥ 79
IELTS: ≥ 6.0
SAT (Evidence-Based Reading and Writing): ≥ 450
CU-AAT Verbal: ≥ 400
CU-TEP: ≥ 80
Duolingo: ≥ 105 (บางปีรับ)
2. ผลสอบคณิตศาสตร์ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)
CU-AAT Math: ≥ 550
SAT Math: ≥ 570
NCEA (New Zealand): ระดับ Merit หรือ Excellence
3. ความถนัดทางการออกแบบ (สถาปัตย์)
CU-TAD: ≥ 50%
📌 เพิ่มเติมสำหรับ INDA
ผู้ที่สอบติดในรอบใดรอบหนึ่ง ต้อง ยืนยันสิทธิ์ผ่านระบบ Clearing House ของ ทปอ. เพื่อกันสิทธิ์ไม่ให้ซ้ำกับ TCAS
INDA ไม่ใช้คะแนน TGAT/TPAT หรือ O-NET ใด ๆ
สามารถสมัคร INDA ควบคู่กับ TCAS รอบอื่นได้โดยไม่กระทบกัน (เช่น สมัคร TCAS รอบ 1 ของมหาวิทยาลัยอื่นไปพร้อมกันได้)
Admission periods :
ผู้สมัคร | รอบที่ 1 | รอบที่ 2 |
นักเรียนไทย | December | March |
นักเรียนต่างชาติ | December | March |
นักเรียนสามารถสมัครได้ทั้ง 2 รอบ (หากยังไม่ยืนยันสิทธิ์ผ่าน Clearing House)
การสอบเข้าสถาปัตย์ภาคไทย ต้องทำอย่างไร?
สถาปัตย์ภาคไทยส่วนใหญ่ใช้ระบบ TCAS รอบ 1 (Portfolio) , 2 (Quota) , 3 (Admission) , 4 (Direct Admission)โดยมีคะแนนหลักที่ต้องใช้คือ:
TCAS รอบ 1 (Portfolio)
ใช้ แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) เป็นหลัก เช่น งานวาดเส้น งานออกแบบสถาปัตยกรรม ผลงานศิลปะอื่น ๆ รวมถึงการประกวด กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
บางมหาวิทยาลัยอาจมีสอบวาดเส้น ทักษะทางด้านสถาปัตยกรรม หรือสัมภาษณ์เพิ่มเติม
ไม่ใช้คะแนนสอบ TGAT / TPAT4
บางมหาวิทยาลัย ต้องการเกรดหรือ GPA / GPAX เกรดเฉลี่ย 3 ขึ้นไป และ คะแนนทดสอบทางภาษาอังกฤษ
เหมาะกับนักเรียนที่เตรียมตัวพอร์ตล่วงหน้า มีความสามารถในการนำเสนอผลงาน
เป็นรอบที่แข่งขันด้วย “คุณภาพของผลงาน” มากกว่าคะแนนสอบ
TCAS รอบ 2 (Quota)
สำหรับนักเรียนที่มีสิทธิ์ตาม พื้นที่ / โรงเรียนเครือข่าย / โครงการพิเศษ
ใช้คะแนน TGAT + TPAT4 / GPAX แล้วแต่โครงการ
อาจมี Portfolio หรือสัมภาษณ์เพิ่มเติม
เหมาะกับคนที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมาย หรือมีความสามารถพิเศษตามเกณฑ์ของแต่ละโครงการ
TCAS รอบ 3 (Admission)
TGAT (การคิดวิเคราะห์ / ภาษาไทย-อังกฤษ)
TPAT4 (ความถนัดทางสถาปัตยกรรม)
GPAX (เกรดเฉลี่ยมัธยมปลาย)
อาจมีสอบสัมภาษณ์เพิ่มเติมในบางรอบ
TCAS รอบ 4 (Direct Admission)
มหาวิทยาลัยจัดสอบเองตามเกณฑ์ของตน เช่น สอบวาดเส้น เขียนแบบ สัมภาษณ์
บางแห่งใช้ Portfolio ร่วมด้วย หรือไม่ใช้คะแนนสอบกลาง
เปิดรับเฉพาะบางแผนหรือสาขา
เหมาะกับผู้ที่พลาดรอบก่อน หรืออยากเจาะจงเข้าเฉพาะคณะนั้นโดยตรง
📌 ต้องฝึกวาดเส้น เขียนแบบ และสอบความถนัดทางสถาปัตยกรรมอย่างจริงจัง
หมายเหตุ : รอบพอร์ตของแต่ละปีและแต่ละมหาวิทยาลัย อาจเปลี่ยนแปลง ควรตรวจสอบจากระเบียบการล่าสุด !
แล้วจบ INDA จะเป็นสถาปนิกได้ไหม?
จบ INDA ไม่สามารถสมัครสอบใบประกอบวิชาชีพในไทยได้ทันที
ต้องเรียนต่อปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรม (ที่ได้รับการรับรองจากสภาสถาปนิกไทย)
สามารถทำงานในองค์กร บริษัทด้านสถาปัตยกรรม อย่างน้อย 2 ปีจึงยื่นสอบได้
สามารถทำงานด้านออกแบบที่ไม่ต้องใช้ใบอนุญาต เช่น Interior Design, Exhibition Design, UX/UI
ในขณะที่…
จบจากสถาปัตย์ภาคไทย สามารถสมัครสอบ ใบอนุญาตสถาปนิก ได้ทันทีตามเกณฑ์ของสภาสถาปนิก
เทียบให้ชัด INDA vs สถาปัตย์
หัวข้อ | สถาปัตย์ อินเตอร์ | สถาปัตย์ ภาคไทย |
ระยะเวลาในการเรียน | 4 ปี | 5 ปี |
ภาษา | อังกฤษ | ไทย |
วุฒิที่ได้รับ | Bachelor of Science (Design) หรือเทียบเท่า | สถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต (B.Arch) |
ใบประกอบวิชาชีพ | ต้องเรียนต่อหรือเทียบวุฒิ จึงสอบได้ | ยื่นสอบใบประกอบวิชาชีพได้ทันที |
เนื้อหาการเรียน | เน้นแนวคิดในการออกแบบ งานครีเอทีฟ Studio-intensive | เน้นการออกแบบอาคารจริง ระบบอาคาร วิศวกรรมควบคู่ |
การสอบเข้า | Portfolio + สัมภาษณ์ + คะแนนสอบวัดระดับ IELTS - SAT math | TCAS รอบที่ 1,2,3,4 ใช้เกรด และคะแนนสอบ TGAT - TPAT4 |
ค่าเทอม | 80,000 - 100,000 บาท/เทอม | 20,000 - 30,000 บาท/เทอม |
เหมาะกับใคร | คนที่อยากเรียนอินเตอร์ สนใจดีไซน์ที่นอกกรอบ | คนที่อยากเป็นสถาปนิกในไทยโดยตรง |
✔︎ สุดท้าย… อย่าลืมเตรียมตัวล่วงหน้า!
INDA และสถาปัตย์ภาคไทย
การสอบเข้าทั้ง INDA และสถาปัตย์ภาคไทย ต้องมีการเตรียมตัวอย่างต่อเนื่อง
ฝึกวาดเส้น พื้นฐานของการออกแบบสถาปัตยกรรม / การเตรียมพอร์ตโฟลิโอ / การสอบภาษาอังกฤษ และการสอบวัดระดับอื่นๆ / ความคิดสร้างสรรค์ ในการสร้างผลงานที่น่าสนใจ
ศึกษาข้อมูลการรับสมัครของแต่ละปีอย่างใกล้ชิด เพราะทุกปีจะมีการอัพเดตและเปลี่ยนแปลงเสมอ
หากคุณกำลังเตรียมตัวสอบอยู่ หรือไม่แน่ใจว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเอง
—
Comentários