Digital Art vs Animation Art เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
- Rungaroon Homsuwun
- 4 days ago
- 2 min read

ในยุคที่ศิลปะผสานเข้ากับเทคโนโลยี คำว่า Digital Art และ Animation Art มักถูกพูดถึงพร้อมกัน หลายคนอาจเข้าใจว่าเป็นสิ่งเดียวกัน เพราะทั้งสองเกี่ยวข้องกับการวาดภาพและใช้โปรแกรมดิจิทัล แต่แท้จริงแล้ว ทั้งสองศาสตร์มี ความเหมือน และ ความต่าง ที่ชัดเจน
บทความนี้จะช่วยให้น้อง ๆ หรือผู้ที่สนใจ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน เข้าใจว่า Digital Art และ Animation Art คืออะไร มีจุดร่วมตรงไหน และต่างกันอย่างไร พร้อมเนื้อหาการเรียน อธิบายแบบเทียบให้ชัด ! และเส้นทางอาชีพที่สามารถต่อยอดได้จริง

Digital Art คืออะไร?
Digital Art หรือ “ศิลปะดิจิทัล” คือการสร้างงานศิลปะด้วยอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และปากกาดิจิทัล โดยใช้โปรแกรมเฉพาะทาง เช่น Procreate, Photoshop หรือ Clip Studio Paint งานที่ผลิตออกมาอาจเป็นภาพนิ่ง เช่น ภาพวาด ภาพประกอบ หรือภาพแนวคอนเซปต์
ผู้ที่เรียน Digital Art จะเน้นฝึกวาดภาพด้วยเทคนิคศิลปะ เช่น การใช้เส้น สี แสง เงา องค์ประกอบภาพ และฝึกสร้างผลงานที่สามารถใช้ในสื่อต่าง ๆ ได้ เช่น ปกหนังสือ โฆษณา การ์ตูน หรือเกม

Animation Art คืออะไร?
Animation Art คือ “ศิลปะที่ทำให้ภาพนิ่งเคลื่อนไหวได้” โดยใช้หลักการของแอนิเมชัน เช่น การวาดภาพต่อเนื่องกันทีละเฟรม (Frame-by-frame) หรือใช้โมเดลดิจิทัลในแบบ 3D ให้ขยับได้ ผู้เรียนจะต้องเข้าใจเรื่องการเคลื่อนไหวของตัวละคร จังหวะการขยับ และการเล่าเรื่องผ่านภาพ
ผู้เรียน Animation Art จะไม่ได้ฝึกวาดภาพนิ่งเพียงอย่างเดียว แต่จะเรียนรู้กระบวนการผลิตแอนิเมชันทั้งระบบ เช่น
• Storyboarding
• Movement Principle
• Acting for Animation
• การใช้โปรแกรม เช่น Toon Boom, After Effects, Blender, Maya
ความเหมือนของ Digital Art และ Animation Art
✔︎ ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเหมือนกัน
ทั้งสองสายใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และโปรแกรมวาดภาพดิจิทัลเป็นเครื่องมือหลัก
✔︎ ต้องมีพื้นฐานศิลปะ
เช่น การวาดเส้น โครงสร้างร่างกาย การใช้สีและแสง ซึ่งจำเป็นในทั้งสองแขนง
✔︎ สามารถทำงานในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ได้
ทั้งสองสามารถต่อยอดสู่อาชีพในวงการภาพยนตร์ เกม การ์ตูน หรือสื่อดิจิทัลได้
หัวข้อ | Digital art | Animation art |
จุดมุ่งหมายหลัก | สร้างภาพนิ่ง ที่สวยงามและสื่อสารได้ | สร้าง ภาพเคลื่อนไหว เพื่อเล่าเรื่อง |
เนื้อหาที่เรียน | การวาดภาพ , การใช้สี , องค์ประกอบภาพ | การเคลื่อนไหว , จังหวะภาพ , การเล่าเรื่อง |
โปรแกรมที่ใช้ | Procreate , Clip studio , CSP | After Effects , Toon Boom , Blander |
สายงานที่ต่อยอด | Illustrator , Concept Artist , Game Artist | Animator , Storyboard Artist , 3D Animator |
ลักษณะงาน | ทำงานเป็นชิ้น ๆ แบบจบในภาพเดียว | ทำงานเป็นลำดับภาพ ต่อเนื่องกันเป็นวิดีโอ |
อาชีพที่สามารถทำได้ในสาย Digital Art
ผู้ที่เรียนจบสาย Digital Art สามารถต่อยอดไปสู่อาชีพในสาย ภาพนิ่งหรือกราฟิกเชิงสร้างสรรค์ ได้หลากหลาย เช่น:
Illustrator (นักวาดภาพประกอบ) วาดภาพสำหรับหนังสือเด็ก, โฆษณา, เว็บไซต์, หรือการ์ดเกม
Concept Artist ออกแบบตัวละคร, ฉาก, หรือไอเท็มสำหรับเกม ภาพยนตร์ และอนิเมะ
Visual Designer / Graphic Designer ออกแบบโปสเตอร์ แบนเนอร์ โซเชียลมีเดีย
Game Artist ออกแบบกราฟิกในเกม เช่น ตัวละคร ฉาก หรือ interface ต่าง ๆ
NFT Artist / Creator สร้างงานศิลปะเพื่อขายในตลาด NFT หรือทำคอลเลกชันดิจิทัล
Content Creator สร้างเพจ YouTube, Instagram, หรือคอร์สเรียนศิลปะของตัวเอง
อาชีพที่สามารถทำได้ในสาย Animation Art
ผู้ที่เรียน Animation Art จะสามารถเข้าสู่วงการ ภาพเคลื่อนไหวและการผลิตวิดีโอ ได้ดังนี้:
2D Animator สร้างแอนิเมชันแบบเฟรมต่อเฟรม เช่น การ์ตูนสั้น โฆษณา หรือ MV
3D Animator ใช้โมเดล 3 มิติขยับตัวละคร เช่นในเกมหรือภาพยนตร์อนิเมชัน
Storyboard Artist วางแผนภาพเคลื่อนไหวเพื่อให้ทีมเข้าใจทิศทางก่อนเริ่มงานจริง
Background Artist วาดฉากและบรรยากาศที่เสริมเรื่องราวในแอนิเมชัน
Compositor / Visual Effects Artist รวมทุกองค์ประกอบเข้าด้วยกัน เช่น ตัวละคร ฉาก เอฟเฟกต์เสียง
Motion Graphic Designer ออกแบบภาพเคลื่อนไหวสำหรับใช้ในโฆษณา, อินโฟกราฟิก หรือโซเชียลมีเดีย
แล้วควรเลือกเรียนสายไหน?
หากคุณ ชอบวาดภาพนิ่ง, สนุกกับการวาดตัวละคร ฉาก หรืองานกราฟิกแบบภาพเดียวจบ
→ Digital Art คือตัวเลือกที่เหมาะ
หากคุณ ชอบการเคลื่อนไหว, อยากเล่าเรื่องผ่านตัวละครที่ขยับได้ หรืออยากทำการ์ตูน
→ Animation Art คือเส้นทางที่ใช่
บางคนอาจเริ่มจาก Digital Art เพื่อปูพื้นฐาน และต่อยอดสู่ Animation Art ก็สามารถทำได้เช่นกัน

แม้ Digital Art และ Animation Art จะดูคล้ายกันในแง่เครื่องมือและการเรียนศิลปะ แต่เมื่อเจาะลึกลงไปจะเห็นว่าเป้าหมาย วิธีการ และโอกาสทางอาชีพของทั้งสองต่างกันอย่างชัดเจน Digital Art เหมาะสำหรับผู้ที่อยากสร้างงานภาพนิ่งอย่างอิสระ ส่วน Animation Art เหมาะกับผู้ที่หลงใหลในงานภาพเคลื่อนไหวที่มีเรื่องราว
ไม่ว่าน้อง ๆ จะเลือกเส้นทางไหน ก็สามารถมาเรียนได้ที่ Jammer studio (สมัครเลย !)
คอร์สเรียนสำหรับสอบเข้า Digital Art
Digital Art คืออะไร
Animation Art คืออะไร
Digital Art vs Animation Art
อาชีพสาย Digital Art
อาชีพสาย Animation
Comments